ประเด็นในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (ข้อ 1)

[CoP Admin]

การเตรียมความพร้อมนักศึกษาที่ควรจะเป็นในด้าน วิชาการ ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ และทักษะ เพื่อเข้าสู่การทำงานน่าจะมีกระบวนการและวิธีดำเนินงานอย่างไรบ้าง

[จุฑารัตน์ เรืองทอง]

ด้านวิชาการ : ถ้าเป็นในเรื่องของเนื้อหาด้านวิชาการนั้นคงไม่ได้เปลี่ยนอะไรมาก เพราะความรู้ทางด้านวิชาการมีความชัดเจนตามหลักสูตรอยู่แล้ว เพียงแต่อาจต้องปรับในเรื่องของการสื่อสารข้อมูลทางวิชาการให้สอดคล้องกับ Lifestyle ของนักศึกษาในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ววัยหนุ่มสาวสมัยนี้ใช้เวลาส่วนมากไปกับโลกโซเชียล จึงอาจเป็นข้อพิจารณาว่าน่าจะปรับเพิ่มการสื่อสารข้อมูลในช่องทางของโซเชียลด้วย เพื่อนักศึกษาในปัจจุบันนี้จะสามารถเข้าถึงข้อมูลทางด้านวิชาการได้ง่ายขึ้นด้วย
ด้านชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ : เป็นข้อสังเกตุได้ว่านักศึกษาในปัจจุบันมีชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณที่ยังไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร อาจจะเนื่องด้วยมีสิ่งเร้าด้านอื่น ๆ มากมายเกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ที่ดึงความสนใจของนักศึกษาไปมากทีเดียว ทำให้นักศึกษาใส่ใจเรื่องชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณน้อยลง ขาดวินัย และไม่ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ ซึ่งส่งผลไปถึงการขาดความเชื่อและมีชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณที่อ่อนแอ ดังนั้น ทั้งอาจารย์และผู้ให้คำปรึกษาด้านชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณต้องเข้าไปมีบทบาทมากขึ้นในการปรับทัศนคติของนักศึกษา และชี้นำให้นักศึกษาตระหนักถึงการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ อาจต้องมีการจัดกิจกรรมด้านจิตวิญญาณเพื่อช่วยให้นักศึกษาเริ่มให้ความสนใจ เช่น จัดการนมัสการฟื้นฟู จัดการบรรยายเรื่องการพัฒนาชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ หรือการให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมด้านชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ เพื่อช่วยให้นักศึกษาได้เข้าใจ เข้าถึง และมีประสบการณ์ด้านชีวิตฝ่ายวิญญาณมากขึ้น เป็นต้น อีกทั้งยังได้พัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อวิชาชีพในอนาคตด้วย
ด้านทักษะ : นักศึกษาคือวัยรุ่นหนุ่มสาวในปัจจุบันที่คลุกคลีและเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเทคโนโลยี ความก้าวหน้าในยุคดิจิตัลนี้ทำให้เราต้องปรับเปลี่ยนการฝึกฝนทักษะที่จำเป็นต่อวิชาชีพของนักศึกษาให้สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน ดังนั้น เราสามารถใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของนักศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตด้านต่าง ๆ ได้ เช่น ในยุคปัจจุบันพระคัมภีร์ไม่ได้อยู่แค่ในกระดาษเท่านั้น แต่พระคัมภีร์อยู่ในเครื่องมือสื่อสารอย่างมือถือได้ด้วย ซึ่งมีแอพพริเคชั่นพระคัมภีร์หลายเวอร์ชั่น เราสามารถแนะนำให้นักศึกษาฝึกฝนการอ่านพระคัมภีร์จากมือถือได้ หรือแม้แต่ในปัจจุบัน มีหน่วยงานหรือองค์การคริสเตียนหลาย ๆ องค์กร ได้จัดทำสื่อการสอนออนไลน์ หรือการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระคัมภีร์หรือหลักจริยธรรมคริสเตียนมากมาย เราสามารถแนะนำให้นักศึกษาหาข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ที่น่าเชื่อถือได้นอกจากการค้นคว้าในห้องสมุดที่มีความจำกัดในเรื่องเวลา แต่ในโลกออนไลน์นั้นสามารถเข้าไปเรียนรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา เป็นต้น

[อาริษา วงค์ทอง]

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เป็นปีที่ทั่วโลกได้รับรู้ถึงการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ส่งผลให้การดำเนินชีวิตของมนุษชาติมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวง โดยมีมาตรการการรักษาระยะห่าง การจำกัดการออกนอกบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการศึกษาหลายแห่ง มีการจัดการเรียนการสอนออนไลน์โดยใช้เทคโนโลยีมาเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อกระบวนการเรียนรู้ในวิถีใหม่ ถือเป็นโอกาสสำคัญยิ่งสำหรับสถาบันการศึกษาหลายแห่งควรหันมาพิจารณาถึงความเป็นไปได้และความท้าทายใหม่ๆที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนในระบบนิเวศน์ของยุคดิจิทัล การเตรียมความพร้อมนักศึกษาให้มีความรู้ (วิชาการ) ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ (ความเชื่อ) และทักษะ (ความสามารถ) ที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต น่าจะมีกระบวนและวิธีดังต่อไปนี้

1.การสะสมและเพิ่มพูนความรู้เพื่อการทำงานในยุคใหม่ นักศึกษาต้องมีวินัย ความเพียรพยายามในการตั้งใจแสวงหาความรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน ฝึกจิตใจไม่ให้วอกแวกและมีสมาธิในการเรียน
2.มีทักษะในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เป็นการเรียนรู้ตลอดเวลาและต่อเนื่อง เพราะมีข้อมูลและความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
3.รู้จักใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเพื่อส่งเสริมการเรียนให้มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงมีความเข้าใจในภาษาของโลกที่ไม่ใช่ภาษาไทยเท่านั้น
4.มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบเพื่อการพัฒนาปัญญาและการทำงานอย่างเป็นระบบ มีความเป็นมืออาชีพ
5.เรียนรู้ผ่านประสบการณ์โดยการถ่ายทอดจากอาจารย์หรือแม้แต่การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของคนในอดีตมีประสบการณ์เฉพาะหรือการอ่านหนังสือเพื่อเสริมสร้างความเชื่อและจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง
6.การเปลี่ยนแปลงของระบบการจัดการศึกษาที่ไม่ใช้รูปแบบเดิมแต่ต้องมีความยืดหยุ่นที่เน้นการวัดประเมินผลการเรียนรู้แบบผสมผสานในหลายมิติ อาทิ การจำ เข้าใจ ประยุกต์ใช้ วิเคราะห์ ประเมินค่า และสร้างสรรค์ และไม่ใช่การวัดเพื่อตัดสินแต่เป็นการวัดผลเพื่อการพัฒนาและเสริมสร้างการเรียนรู้
7.เนื้อหาที่ไม่ใช่ออกแบบมาเหมือนการผลิตในโรงงาน แต่ออกแบบตามความสามารถที่แตกต่างของผู้เรียน
8.ความคาดหวังจากผู้เรียนในวิถีใหม่ ซึ่งน่าจะไม่ใช่เพียงปริญญาบัตรไว้ติดข้างฝาหรือเพื่อสมัครงาน
9.ความคาดหวังจากผู้ใช้บัณฑิตที่ต้องการผู้ร่วมงานที่พร้อมจะทำงานได้ทันที (มีความพร้อม)
10.ความคาดหวังจากสังคมว่าสามารถพึ่งพาคนที่ได้รับการศึกษาเมื่อสำเร็จการศึกษา

[วิริยะ ทิพยวรการกูร]

ทั้งด้านวิชาการ ชีวิตฝ่ายวิญญาณ และทักษะ สำคัญหมดทั้ง 3 ด้าน ไม่มีด้านไหนสำคัญกว่า แต่อาจบอกได้ว่า ด้านไหนควรเป็นจุดเริ่มต้น สำหรับผม ด้านชีวิตฝ่ายวิญญาณควรเป็นด้านแรกที่ต้องพัฒนาควบคู่กับความรู้พื้นฐานด้านความเชื่อ นักศึกษาควรได้รับการปลูกฝังในช่วงต้น ต้องเรียนรู้จากแบบอย่างของคณาจารย์และเจ้าหน้าที่ รวมถึงรุ่นพี่ ที่สามารถเป็นพี่เลี้ยงฝ่ายวิญญาณได้ รวมถึงฝึกวินัยในชีวิตด้านต่างๆ การเฝ้าเดี่ยว การอธิษฐาน การกิน การนอน การออกกำลังการ การอ่านหนังสือ การรับผิดชอบเวร การทำงานร่วมกัน ในด้านนี้ ผมคิดว่าผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ เป็นผู้เทศนา สอนพระคำ สอนชีวิต สอนการอธิษฐาน เป็นแบบอย่างเรื่องการนมัสการ แบ่งปันชีวิตและความรักกับนักศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม เป้าหมายให้นักศึกษาเข้าใจชีวิตฝ่ายวิญญาณ ควบคู่กับการเรียนรู้ด้านวิชาการ ส่วนด้านทักษะ ควรให้นักศึกษามีโอกาสฝึกปฏิบัติด้วย เริ่มจากง่าย เริ่มจากสิ่งเล็กน้อย ค่อยเป็นค่อยไป เช่น แบ่งปันการเฝ้าเดี่ยวสัก 5-7 นาที นำอธิษฐาน นำที่ประชุมนมัสการ ฝึกแบ่งปันคำพยาน จนถึงโอกาสเทศนา และมีการประเมินผลอย่างต่อเนื่อง

[ทิวาพร ราชรักษ์]

การเตรียมความพร้อมนักศึกษาที่ควรจะเป็นในด้าน วิชาการ ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ และทักษะ เพื่อเข้าสู่การทำงานน่าจะมีกระบวนการและวิธีดำเนินงานอย่างไรบ้าง
แสดงความคิดเห็น :: ในด้านการเตรียมความพร้อม ของนักศึกษาที่จะมาสอบเข้า ควรจะเริ่มต้นตั้งแต่ ที่ครอบครัว และ คริสตจักร ทั้งสองส่วนต้องคอยสนับสนุน ให้โอกาส ให้ลูกหลาน ส่งเสริม กระตุ้นในการเรียนด้านวิชาการ เตรียมพร้อม โดยเฉพาะวิชาภาษาอังกฤษ และการใช้คิมพิวเตอร์ ด้านพื้นฐาน และมีส่วนสนับสนุนเตรียนมด้านค่าเทอมและอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็น
ในส่วนของชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ ทางศิษยาภิบาล ควรจัดหาเวลาในการติวพระคัมภีร์ ศึกษาพระคัมภีร์รวมกัน แบ่งปันชีวิตการทรงเรียก ตลอดจนให้โอกาสฝึกฝนการรับใช้ เริ่มจากในคริสตจักร เตรียมงานรับใช้ในด้านต่างๆ ฝึกสอนรวี การเป็ฯผู้นำนมัสการ การนำอธิษฐาน ทักษะพิเศษที่ต้องได้รับการเตรียม โดยเฉพาะในด้านดนตรี

[พรนภา สิทธิสงคราม]

ด้านวิชาการ ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ และทักษะ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
แต่หากพูดถึงนักศึกษาพระคริสต์ธรรม มักจะเน้นเกี่ยวกับชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ เป็นอันดับต้นๆ

[ณัชชากุล]

ด้านชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ:ด้านนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ดังใน สุภาษิต 4:23 “จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ” ถ้าชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณเข้มเเข็งก็จะเป็นกำลังให้พัฒนาด้านต่างๆ ไปได้ดี เพราะใจพร้อม เราทำได้ทุกอย่าง สิ่งนี้ควรเริ่มต้นที่ตัวนักศึกษาเอง ครอบครัว คริสตจักร อาจารย์ เจ้าหน้าที่ที่เป็นแบบอย่าง และเตรียมพร้อมนักศึกษาทั้งก่อน ระหว่างเข้าศึกษา
ด้านวิชาการ:ควรเพิ่มเติมด้านการเงินการบัญชีพื้นฐาน การคิด วิเคราะห์ สังเคาระ์ และบูรณาการ
ด้านทักษะ:ควรเพิ่มทักษะเทคโนโลยีที่ปรับใช้กับคริสตจักร งานฝีมือ งานช่าง ซ่อมบำรุง เพื่อนำไปใช้ในงานรับใช้ในคริสตจักร การรู้จักกาลเทศะ ทักษะการทำงานเป็นทีม ทักษะการพูดสื่อสาร และการมองโลกในแง่ดี

[อนุสรณ์ คชเกร็ง]

การเตรียมความพร้อมนักศึกษาที่ควรจะเป็นในด้าน วิชาการ ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ และทักษะ เพื่อเข้าสู่การทำงานน่าจะมีกระบวนการและวิธีดำเนินงานอย่างไรบ้าง

ในด้านวิชาการนักศึกษาจำเป็นที่จะต้องมีแนวความคิดและอุปนิสัยในเรื่องของการใฝ่เรียนรู้อยู่เสมอเพราะนี่คือคุณสมบัติที่ดีของการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งจะต้องใช้เวลาและการสร้างอุปนิสัย ซึ่งในเรื่องนี้การสร้างชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณอาจจะต้องมาเป็นอันดับแรกเนื่องจากควรจะต้องสร้างชีวิตด้านจิตวิญญาณในเรื่องการแสวงหาพระเจ้า การอ่านพระคัมภีร์ เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นของสติปัญญา และจะทำให้นักศึกษาจะเข้าใจด้านวิชาการได้ดีขึ้น จากนั้นด้านทักษะ ก็จะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติจากการฝึกฝนในเรื่องต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

[ยุทธภัณฑ์ พินิจ]

การเตรียมความพร้อมนักศึกษาที่ควรจะเป็นในด้าน วิชาการ ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ และทักษะ เพื่อเข้าสู่การทำงานน่าจะมีกระบวนการและวิธีดำเนินงานอย่างไรบ้าง
การเตรียมความพร้อมนักศึกษาที่ควรเป็นใน 3 ด้าน คือ วิชาการ ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ และทักษะการรับใช้พระเจ้า ในความคิดเห็นของผม มองว่า จุดปลายทางของการเสริมสร้างนักศึกษาคืออะไร คือ การรับใช้พระเจ้าในฐานะต่าง ๆ ทั้งในคริสตจักรและองค์กรคริสเตียน หรือบางทีอาจเป็นองค์กรที่ไม่ได้เป็นของคริสเตียนก็เป็นได้ (มีศิษย์เก่าหลายคนได้เลือกทำแล้ว) โดยไม่ว่าอยู่ในฐานะใด ผมเชื่อว่าทุกคนล้วนต้องเป็นผู้อภิบาลผู้ที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบหรือเรียกว่า สมาชิก ซึ่งหากมองปลายทางก็จะพบว่า วิถีชีวิตที่ส่วนมากต้องทำหน้าที่ในพันธกิจการรับใช้ซึ่งย่อมประกอบด้วยชีวิตในด้านวิชาการ จิตวิญญาณ และทักษะการรับใช้เมื่ออยู่ท่ามกลางคนกลุ่มมาก ดังนั้นในด้านวิชาการ คณะฯ ควรทบทวนและปลูกฝังให้นักศึกษาตระหนักถึงคุณค่าและพัฒนาตนผ่านการเปิดโลกกระทรรศน์ให้กว้าง ขยายกรอบความคิดให้กว้างต่อการเรียนในองค์ความรู้ทางคริสตศาสนศาสตร์ เพิ่มการคิดต่อยอดจากที่เป็นอยู่ในทุกรายวิชา จากนั้นมีกระบวนการช่วยให้นักศึกษาได้นำความรู้ในหลายวิชาที่ได้เรียนไปจัดทำพันธกิจที่เกิดจากการประมวลผลของตนได้ ค้นหาวิธีการศึกษาที่สร้างประโยชน์ให้กับตนเอง ส่วนในด้านฝ่ายจิตวิญญาณ สำหรับผมเชื่อว่า เรื่องนี้เป็นเหมือนแหล่งพลังที่คอยขับเคลื่อนให้ทุกคนได้ก้าวไปสู่การเผชิญสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ข้างหน้า เพราะหากมีแรงขับเคลื่อนน้อย ย่อมอาจจะสับสน ลังเล และเลิกไป เนื่องจากมีทางเลือกที่ชอบที่พอใจมากกว่านี้ ชีวิตจิตวิญญาณเป็นการฝึกฝน เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ อย่างสม่ำเสมอ ทำอย่างไรเพื่อช่วยให้นักศึกษามีความชัดเจนมากขึ้นต่อพันธกิจการรับใช้พระเจ้า การฝึกฝนด้วยวินัยชีวิต การอ่านการศึกษาและการสร้างประสบการณ์ด้านความเชื่อจึงเป็นสิ่งที่ควรได้รับการปลูกฝัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเขัาใจต่อการปลูกตนตามคำสอนของพระเยซูคริสต์ในฐานะการเป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณ การจัดนมัสการพระเจ้า การแบ่งปันพระคำ การอ่านและศึกษาพระคำของพระเจ้า ล้วนแต่เสริมสร้างชีวิตส่วนตัวต่อพระเจ้าได้ ส่วนในด้านทักษะการรับใช้ นอกจากการฝึกฝนในห้องเรียนแล้ว กิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นน่าจะเป็นส่วนช่วยให้นักศึกษาได้รับการพัฒนา ซึ่งเป็นได้ทั้งความสามารถและความสัมพันธ์ ทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทักษะการเป็นผู้นำกลุ่มและด้านต่าง ๆ ฝึกให้รู้ว่าทำอะไรได้ ทั้งทดลองทำในคณะฯ และในคริสตจักรหรือหน่วยงาน จากนั้นได้ช่วยให้นักศึกษาค้นพบว่าจะพัฒนาตนอย่างไร ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น ส่วนความเชี่ยวชาญมากน่าจะพบจากการทำงานในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงเสนอว่า คณะฯ ควรมีการอบรมคือการให้ทิศทาง ให้ความรู้ทางวิชาการ เพื่อช่วยให้นักศึกษามีหลักการที่เป็นพื้นฐานเพื่อจะต่อยอดได้ เน้นให้พัฒนาตนฝ่ายชีวิตจิตวิญญาณด้วยการปลูกฝังหลักการแห่งพระวจนะต่อเนื่อง สม่ำเสมอ และฝึกฝนทักษะที่จำเป็นต่อพันธกิจและที่คริสตจักรหรือหน่วยงานคาดหวังในฐานะผู้รับใช้พระเจ้า และสำคัญที่สุดปลูกฝังให้นักศึกษาเปิดความคิด ด้วยความเชื่อในพระเจ้าเพื่อจะพัฒนาตนเอง ลงลึกซึ้งต่อความสัมพันธ์ในพระเจ้า ทักษะและวิชาการสามารถพัฒนาได้ตลอดชีวิต

[วรพจน์]

การเตรียมความพร้อม มาจากทุกๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แต่นักศึกษาที่จะจบจะรับคำแนะนำผ่านทางฝ่ายวิชาการหรือฝ่ายพัฒนานักศึกษาเป็นหลัก ได้คุบกับศิษย์เก่าบางคนที่จบไปแล้ว เขาก็บอกว่าก่อนจบอยากให้ทางสถาบันฯ แจ้งว่ามีที่ไหนที่ยังขาดและต้องการผู้รับใช้แน่นอนหรือแต่ละที่ที่จะให้ไปรับใช้มีปัญหาอะไรบ้างเพื่อที่ตัวนักศึกษาจะได้ตัดสินใจได้และรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ในระหว่างที่ไปทำงานรับใช้

[สัญชัย]

การเตรียมความพร้อมนักศึกษาควรจะมองในภาพองค์รวม (Holistic) เพื่อกระบวนการและวิธีการดำเนินงานจะได้รับการพัฒนาขึ้นให้บรรลุตามเป้าประสงค์ที่วางไว้ ในแต่ละด้านก็ควรจะมีจุดมุุ่งหมายพุ่งไปที่เป้าประสงค์เดียวกัน เพื่อให้ทุกฝ่ายทำงานอย่างสอดประสานและสอดคล้องกัน
ด้านวิชาการ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญและควรจะเป็นจุดแข็งของสถาบันฯ เพียงแต่ให้นักศึกษาได้เข้าใจจุดแข็งนี้ และพยายามฉวยทุกโอกาสที่มี เพื่อใฝ่เรียนและแสวงหาความรู้จากคณาจารย์ผู้สอนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะไม่มีที่อื่นอีกแล้ว ที่จะให้ความรู้ด้านพระคัมภีร์ได้มากและดีที่สุดเท่ากับที่สถาบันฯ แห่งนี้ให้ได้
ด้านชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ เป็นเรื่องควรพัฒนาควบคู่ สอดแทก และปลูกฝังอยู่ในการพัฒนาในแต่ละด้าน โดยพยายามให้นักศึกษาตระหนักและรับรู้ว่า ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่ควรมีเป็นปกติ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องฝืนหรือถูกบังคับเพื่อให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคริสเตียนที่อยู่ในฐานะใดก็ตาม เพื่อให้ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของพวกเขาค่อยเติบโตและเข้มแข็ง และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนักศึกษาและชีวิตของผู้รับใช้ในอนาคตด้วย
ด้านทักษะ เป็นสิ่งที่เกิดขึันจากการนำองค์ความรู้ที่มีไปต่อยอดและทำซ้ำๆ จนเกิดความคุ้นชินและกลายเป็นทักษะขึ้นมา โดยที่นักศึกษาเองอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้ ยิ่งยุคปัจจุบันต้องการคนทำงานได้หลายอย่างในเวลาเดียวกัน (Multi-tasking) ด้วยเหตุนี้นักศึกษาควรจะมีทักษะด้านอื่นเพิ่มเติมที่ถนัดรองลงมาจากงานรับใช้ที่ทำ (Multi-skill) เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับตัวนักศึกษาเอง และพันธกิจการรับใช้ที่สามารถปรับเปลี่ยนตามโลกที่เปลี่ยนแปลงไปได้

[วันดี วจนะถาวรชัย]

ด้านวิชาการ เป็นการให้ความรู้และความเข้าใจด้านคริสตศาสนศาสตร์และศาสตร์อื่นๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นักศึกษามีหลักและจุดยืนอย่างถูกต้องบนพื้นฐานพระวจนะพระเจ้า
ด้านทักษะการรับใช้ เป็นศาสนศาสตร์ปฎิบัติ สามารถนำสิ่งที่เรียนรู้ไปปฎิบัติใช้ เช่นการเทศนา การเป็นผู้นำและบริหารงานคริสตจักร การประกอบศาสนพิธีต่างๆ การนมัสการ การให้คำปรึกษา การใช้ดนตรีในการนมัสการ การใช้เทคโนโลยีในพันธกิจ ฯลฯ และทักษะอื่นๆที่จำเป็นต่อการเป็นผู้รับใช้ หรือที่เรียกว่า soft skill เช่นการปรับตัว ความคิดสร้างสรรค์ในพันธกิจ การสื่อสาร การทำงานเป็นทีม การตัดสินใจ เป็นต้น
ชีวิตฝ่ายวิญญาณ คือมิติชีวิตที่มีความสมดุล (Wholebeing) ที่ถูกพัฒนาทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณอย่างสอดคล้องและสมดุลเติบโตบนพื้นฐานของความรู้และความเข้าใจ นำไปสู่การอุทิศตัว ความมุ่งมั่นและหัวใจแห่งการรับใช้พระเจ้า มีมุมมองและทัศนต่อตนเองตามคุณค่าตามการทรงเรียก มีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นโดยการรัก เคารพ และให้เกียรติ การมีสัมพันธภาพกับสิ่งทรงสร้างและการเห็นโอกาสในสถานการณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงภายใต้การฝึกฝนและการมีวินัยฝ่ายวิญญาณ

[อุไรวรรณ]

การเตรียมความพร้อมนักศึกษาในด้านวิชาการ ทักษะการปฏิบัติงานและด้านชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณคริสเตียน เพื่อเข้าสู่การทำงาน โดยมีการจัดการเรียนการสอนตามที่กำหนดในหลักสูตรฯ มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมนอกห้องเรียน เช่น กิจกรรมนมัสการพระเจ้า กีฬาสี กลุ่มสัมพันธ์ เป็นต้น การส่งเสริมและสนับสนุนให้นักศึกษามีส่วนร่วมรับผิดชอบ วางแผน และดำเนินการจัดโครงการและกิจกรรมของคณะวิชา เพื่อนำความรู้ในชั้นเรียนมาปรับใช้กับการปฏิบัติได้จริง รวมทั้งการดูแลให้คำปรึกษาของอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งด้านวิชาการและชิวิตจิตวิญญาณคริสเตียนที่ช่วยส่งเสริมให้นักศึกษามีความพร้อมเพื่อเข้าสู่การทำงานมากขึ้น

[ผู้เขียน]

ข้อความ